สูตรลับฉบับกระชับ: 4 เคล็ดลับในการตั้งชื่อหัวข้อวิจัย

11/7/20252 min read

white printer paper
white printer paper

1. หัวใจคือ SEO (การทำให้ค้นพบง่าย): หัวข้อวิจัยคือ "ทูต" ที่สำคัญที่สุดของงานคุณ และเป็นเครื่องมือหลักในการดึงดูด
ผู้อ่านและการอ้างอิง

  • เคล็ดลับ: วางคีย์เวิร์ด (Keywords) ที่สำคัญที่สุด 1-2 คำ ให้อยู่ภายใน 65 ตัวอักษรแรก ของหัวข้อ เพราะระบบค้นหา (Search Engines) มักจะตัดส่วนที่ยาวกว่านี้ทิ้งไปจากหน้าผลการค้นหา

2. ใช้ "สูตร 5 ขั้นตอน" ในการร่าง: นี่คือกระบวนการที่เป็นระบบ แทนที่จะรอแรงบันดาลใจ

  • ตอบคำถามหลัก: งานนี้เกี่ยวกับอะไร? ใช้วิธีไหน? ศึกษากับใคร? เจออะไร?

  • สกัด "คีย์เวิร์ด": ดึงคำที่สำคัญที่สุดจากคำตอบเหล่านั้น

  • สร้างประโยคยาว: นำคีย์เวิร์ดทั้งหมดมารวมกันเป็นประโยคที่สมบูรณ์

  • ตัดคำฟุ่มเฟือย: ตัดคำที่ไม่จำเป็นออก (เช่น "A case study of 60 patients...") เพื่อสร้าง "หัวข้อฉบับร่าง"

  • ขัดเกลาและจัดลำดับ: ย้ายคีย์เวิร์ดที่สำคัญที่สุดมาไว้ ตอนต้น ของหัวข้อ

3. ใช้ PICO หรือ SPICED ตรวจสอบความสมบูรณ์: ใช้เฟรมเวิร์กเหล่านี้เป็น "Checklist" เพื่อให้แน่ใจว่าหัวข้อของคุณ
สื่อความหมายได้ครบถ้วนและเฉพาะเจาะจง

  • PICO (งานสายคลินิก): Population
    (กลุ่มประชากร), Intervention (สิ่งที่ศึกษา), Comparison (สิ่งที่เปรียบเทียบ), Outcome (ผลลัพธ์)

  • SPICED (งานสายสังคมศาสตร์/กว้างกว่า): Setting (สถานที่), Population, Intervention (สิ่งที่สนใจ), Condition (สภาวะ), End-point (ผลลัพธ์), Design
    (รูปแบบวิจัย)

4. ข้อห้าม (The Don'ts) ที่ต้องเลี่ยงเด็ดขาด:

  • ห้ามใช้คำฟุ่มเฟือย: เช่น "A Study of...",
    "An Investigation of..." (การศึกษาเรื่อง..., การสำรวจ...) คำเหล่านี้เปลืองพื้นที่อันมีค่า

  • ห้ามตั้งเป็นคำถาม (Interrogative) หรือ "ประกาศ" ผลวิจัย (Declarative) ให้ใช้แบบ "พรรณนา" (Descriptive) ซึ่งเป็น
    การอธิบายเนื้อหา

  • ห้ามยาวเกินไป (ตั้งเป้าไม่เกิน 16 คำ)

  • ห้ามใช้คำย่อ (Acronyms) ที่คนไม่รู้จักทั่วไป (เช่น DNA ใช้ได้ แต่คำย่อเฉพาะทางควรเลี่ยง)

ห้ามละเลยคู่มือของวารสาร (Journal Guidelines) นี่คือกฎที่สำคัญที่สุด

ขอบคุณแหล่งข้อมูล